นิชิโนะ เผยมาคนเดียวพร้อมร่วมงานผู้ช่วยชาวไทย – เชื่อช้างศึกยังพัฒนาได้อีกมาก

นิชิโนะ เผยมาคนเดียวพร้อมร่วมงานผู้ช่วยชาวไทย – เชื่อช้างศึกยังพัฒนาได้อีกมาก

อากิระ นิชิโนะ กุนซือคนใหม่ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย แถลงคุมทีมไทยอย่างเป็นทางการบนดินแดนสยาม ยืนยันมีทีมงานสต๊าฟติดตามมาคนเดียวเพื่อช่วยดูทีมเยาวชน แจงพร้อมร่วมมือกับโค้ชชาวไทยเพื่อช่วยกันยกระดับทีมขึ้นสู่แนวหน้า – ชี้เกมนัดแรกฟุตบอลโลกกับเวียดนาม พร้อมสู้แม้มีเวลาน้อย

อากิระ นิชิโนะกุนซือชาวญี่ปุ่น วัย 64 ปี พร้อมด้วย “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว นิชิโนะเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่ และ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี อย่างเป็นทางการ

“บิ๊กอ๊อด” กล่าวว่า “ในนามนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้งอากิระ นิชิโนะ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ และ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี อย่างเป็นทางการ”

“ผมรู้สึกดีใจทีได้ร่วมงานกันิชิโนะ เนื่องจาก เขามีประสบการณ์กับทีมชาติญี่ปุ่น และสโมสรในเจลีก โดยเฉพาะล่าสุดในการพาทีมชาติญี่ปุ่นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ทำให้เขาได้รับความสนใจจากหลายๆ ทีม โดยเฉพาะตัวผมเองได้ไปเชิญ นิชิโนะ มาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย”

“จากการที่เราได้เห็นนักเตะไทยไปเล่นในเจลีก พวกเขาเหล่านั้นมีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างชัดเจน เราเชื่อว่านิชิโนะ จะสามารถนำพาวงการกีฬาฟุตบอลของเรา และนักฟุตบอลของเรามีการพัฒนา และสามารถแข่งขันกับทีมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าในอนาคต ผมเชื่อว่าเขาจะพาทีมชาติไทยสร้างผลงานที่ดีขึ้นและเป็นที่ยอมรับ ซึ่งนี่คือเป้าหมายของสมาคม”

“สมาคมพร้อมให้การสนับสนุนการทำงาน นิชิโนะทั้งการเตรียมความพร้อมของทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และชุดใหญ่ สมาคมให้คำมั่นว่า จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และไม่ยอมให้ใครแทรกแซงการทำงานของนิชิโนะ ซึ่งไม่ใช่แค่นิชิโนะ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นโยบายของสมาคม ยึดเป็นหลักการสำคัญ ผู้บริหาร หรือคนของสมาคม จะไม่แทรกแซงการทำงานของโค้ช หวังว่าแฟนบอลและสื่อมวลชนจะให้การสนับสนุน นิชิโนะ ในการเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย”

“ส่วนเรื่องทีมงานสต๊าฟโค้ชที่จะเข้ามาช่วยงานนั้น อย่างที่เรียนข้างต้น ว่าเป็นความรับผิดชอบของสมาคม เราจะทำอย่างเต็มที่เพื่อให้การทำงานของนิชิโนะ ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เมื่อเป็นความต้องการของทางโค้ช ที่ต้องการจะทำงานกับโค้ชไทย ทั้งผู้ช่วยและสต๊าฟโค้ช เป็นความปรารถนาดีของนิชิโนะ ที่จะพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างเป็นระบบ”

“ในวันข้างหน้าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่กับฟุตบอลไทย เขาจะวางประสบการณ์ ความรู้ และพัฒนาฟุตบอลไทยต่อไปในอนาคต ด้วยความสนับสนุนและปราศจากการแทรกแซงจากสมาคม ผมเชื่อว่าความสามารถและประสิทธิภาพของนิชิโนะ จะสามารถนำทีมชาติไทยไปสู่เป้าหมาย ที่สมาคม แฟนบอล และทุกท่านต้องการให้ได้”

ด้านนิชิโนะ กล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ได้เข้ามาคุมทีมชาติไทยชุดใหญ่ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ผมเองต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วย จากปีที่แล้วอย่างที่ทราบกันว่า ผมได้พาทีมชาติญี่ปุ่นเข้าแข่งขันฟุตบอลโลก หลังจากนั้น 1 ปี ผมได้ทำงานเป็นเบื้องหลังที่ญี่ปุ่น และได้พบกับนายกสมาคม ผมได้เห็นความตั้งใจของนายกสมาคม ผมจึงยินดีที่จะเข้ามาร่วมงานในครั้งนี้”

“หลังจากที่ผมมีโอกาสชมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก เห็นโอกาสมากมาย ที่จะพัฒนาทีมชาติไทย ทั้งในการแข่งขันฟุตบอลโลก และทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่มีเป้าหมายไปโอลิมปิก แต่ไม่ใช่ผมคนเดียว แต่ต้องเป็นตัวผม สมาคม รวมถึงทุกคน”

“เดือนกันยายนนี้ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกจะเริ่มขึ้นแล้ว แม้เวลาไม่เยอะ แต่จากประสบการณ์ในการเตรียมทีมชาติญี่ปุ่นลุยฟุตบอลโลก ในระยะเวลาอันสั้น ผมมั่นใจว่ามันมีโอกาสทำได้ หลังจากที่ได้เห็นศักยภาพของนักฟุตบอลทีมชาติไทย แน่นอนว่า ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว แต่ผมต้องการความร่วมมือจากสมาคม และแฟนบอล ผมเชื่อว่าหากได้รับความร่วมมือ ทีมชาติไทยมีโอกาสที่จะไปฟุตบอลโลก หรือ โอลิมปิก”

“ส่วนเป้าหมายในการคัดฟุตบอลโลก ตอนนี้อาจจะเร็วเกินไปในการตั้งเป้าหมายในระยะยาว เบื้องต้นผมต้องพยายามดูนักเตะ ทำงานทุกวันให้ดีที่สุด หวังจะผ่านรอบนี้ไปให้ได้ เกมแรก ที่จะพบกับเวียดนาม ผมเองจะพยายามเอาชนะให้ได้”

“ขณะที่เวลาการเตรียมทีมค่อนข้างน้อยก่อนเกมนัดแรกนั้น ก่อนหน้าที่ผมจะพาไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย กับญี่ปุ่น สื่อญี่ปุ่นถามว่ามีเวลาแค่สองเดือนเพียงพอไหม เพราะฉะนั้น การมีเวลา 10 วันกับทีมชาติไทยในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล สำหรับนักเตะญี่ปุ่นการจะไปฟุตบอลโลก ต้องพัฒนาตัวเอง นักเตะไทยเองต้องยกระดับตัวเองเช่นกัน แม้จะมีเวลาไม่มาก แต่ผมคิดว่านักเตะไทยสามารถยกระดับตัวเองขึ้นไปได้”

“จากประสบการณ์ และจากที่ได้เห็นนักฟุตบอลไทยมาแล้ว ผมคิดว่าผมสามารถยกระดับนักฟุตบอลไทยขึ้นไปได้ โดยจะใช้ประสบการณ์จากที่เคยพัฒนานักฟุตบอลญี่ปุ่นมาแล้ว ตอนนี้ผมมาแค่คนเดียว จากที่ได้มาดูการทำงานที่นี่ ได้พบกับ ทีมงานโค้ชของไทยหลายคน ผมเองมองเห็นถึงความมุ่งมั่น ผมเองพร้อมจะร่วมงานกับโค้ชไทย เพื่อสร้างทีมชาติไทยทั้งระบบขึ้นมา”

“ระหว่างที่เป็นโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น เคยมาแข่งขันกับทีมชาติไทย แม้ผมจะเอาชนะไทยไปได้ แต่คนญี่ปุ่นไม่เคยมองว่าการเจอกับทีมชาติไทยมันเป็นงานที่ง่ายเลย เพราะกว่าจะเอาชนะได้ต้องออกแรงเหนื่อยพอสมควร หลังจากนั้น ผมคิดว่าทีมชาติไทยสามารถพัฒนาไปไกลได้มากกว่านี้อีก”

“ผมจะเริ่มงานทันที ผมอยากไปดูฟุตบอลไทยให้เร็วที่สุดเพื่อศึกษา โดยจะเริ่มตั้งแต่ เย็นนี้เป็นต้นไปที่จะเดินทางไปดูการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ในการแข่งขันครั้งนี้ สำหรับผมมองว่ามันไม่ยากเกินไป แต่มันไม่เรื่องง่าย การเจอกับทีมในอาเซียน เกือบหมด มันเหมือนเป็นการเตรียมทีมก่อนซีเกมส์เลย กลุ่มของเรา อาจจะมีข้อได้เปรียบจากกลุ่มอื่น คือไม่ต้องเดินทางมาก ไม่เหนื่อยล้า แต่ไม่ใช่แค่เรา แต่รวมถึงทีมอื่นๆ เช่นกัน ที่ไม่ต้องเดินทางไกล”

สำหรับนิชิโนะ มีโปรแกรมนำทีมชาติไทยชุดใหญ่และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ลุยศึกสำคัญ ในช่วงหลังจากนี้ประกอบไปด้วย ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ต่อด้วย ฟุตบอลชายในมหกรรมซีเกมส์ และ ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย